ดวงใจปาฏิหาริย์
ดวงใจปาฏิหาริย์ สิ่งที่จะช่วยให้ผู้ครอบครองพ้นจากความวิบัติ จะทำอย่างไรเมื่อเธอ เอลเลเลีย หญิงสาวธรรมดา เป็นผู้ถือครองมัน
ผู้เข้าชมรวม
1,016
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ดวงใจปาฏิหาริย์
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงน้ำสาดกระเซ็น ร่างบางร่างหนึ่งกำลังวิ่งเข้าไปในตรอกเล็กๆอันมืดมิด นัยน์ตาสีมรกตคู่สวยทอดมองไปยังท้องฟ้าที่มืดครึ้ม สายฝนยังเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สายลมแรงพัดกรรโชกเยี่ยงพายุที่โหมกระหน่ำ หญิงสาวกระชับผ้าคลุมสีน้ำตาลเก่าๆให้แน่นขึ้น เรือนผมยาวสีน้ำตาลอ่อนเปียกโชกตกลงมาปรกหน้า ทว่า หญิงสาวไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย บัดนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอสนใจ นั่นก็คือ การวิ่ง วิ่งๆๆๆๆ วิ่งไปให้ไกลที่สุด วิ่งไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หยาดน้ำใสๆไหลรินออกมาจากนัยน์ตาที่บวมช้ำ ก่อนจะกลืนไปกับสายฝนที่ยังคงตกกระหน่ำ
แม่ ทำไมท่านถึงทำกับลูกเยี่ยงนี้
เสียงในใจร่ำร้องก่อนจะหวนคิดไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงก่อน
ภาพของสตรีผู้หนึ่งกำลังรับเงินจำนวนมากกับชายแปลกหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนชายแปลกหน้าจะเข้ามาฉุดแขนของเธอขึ้นรถม้า เธอทั้งดิ้น ทั้งขืนตัว และตะโกนร้องให้ผู้เป็นมารดาช่วย หากแต่หญิงวัยกลางคนก็ยืนนิ่งด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวถูกลากขึ้นรถม้า ก่อนภาพทั้งหมดจะค่อยๆเคลื่อนออกไป เมื่อรถม้าเริ่มออกวิ่ง
เธอ ถูกแม่ขาย แม่ขายเธอให้กับคนแปลกหน้า แม่ที่เธอรักยิ่งชีวิต แม่ที่เธอเทิดทูนยิ่งสิ่งใด แล้วเหตุใด แม่จึงทำเช่นนี้
เธอคิดอย่างน้อยใจ ก่อนจะกระโดดลงจากรถม้าที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงและเริ่มออกวิ่ง
เธอจะไปที่ไหนก็ยังไม่รู้ เธอจะทำอย่างไรก็ยังไม่รู้ เธอวิ่งต่อไปเช่นนี้ดีแล้วหรือ
เธอยังไม่รู้ แต่ที่รู้คือ หัวใจสั่งให้เธอวิ่ง วิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย
พลั่ก!
ขาบางสะดุดก้อนหินก่อนร่างบางจะล้มลง โลหิตสีแดงฉานไหลรินลงมาตามขา หญิงสาวค่อยๆยันตัวขึ้นจากพื้นช้าๆ ความเจ็บปวดวิ่งแปลบเข้ามา เธอกัดฟันทน ก่อนจะเริ่มออกวิ่งต่อไป บาดแผลที่หัวเข่านี้ทำให้เธอวิ่งได้ช้าลง หญิงสาวสบถเบาๆ เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากที่ดังไล่หลังมาบ่งบอกให้เธอรู้ว่า คนพวกนั้นตามเธอมาทันแล้ว
ทำอย่างไรดี จะทำอย่างไรดี
เธอคิดอย่างสับสน แต่ก่อนจะได้ทำอะไร มือคู่หนึ่งก็ถูกยืนออกมาจากซอกเล็กๆและคว้าเธอเข้าไปข้างในนั้น เธอพยายามดิ้นและส่งเสียงร้อง แต่มือของใครคนนั้นก็ตะครุบปิดปากเธอแน่น ในขณะที่มืออีกข้างกอดรัดตัวเธอไว้เพื่อไม่ให้เธอดิ้นหนีไป
ตึก ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากค่อยๆแผ่วเบาลงและหายไป พร้อมกับที่ตัวเธอซึ่งรู้สึกถึงอิสระ ใครคนนั้นคลายมือจากปากและตัวของเธอแล้ว นัยน์ตาสีเขียวเหลือบไปมองอย่างสงสัย แต่ทว่า เธอก็เห็นเพียงเงาตะคุ่มๆของใครบางคนเท่านั้น
" ทางนี้ " เขากระซิบเสียงแผ่วเบา ก่อนจะฉุดเธอให้เดินตามเขาไปในซอกเล็กๆนั้น
เธอเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนจากมือคู่นั้นแผ่ซ่านมาถึงมือเธอ
ทำไมกัน ทั้งๆที่เป็นคนแปลกหน้า แต่ทำไม เธอถึงรู้สึกคุ้นเคยกับเขาอย่างนี้นะ
เขาพาเธอเข้าไปในบ้านเก่าๆหลังหนึ่ง แสงไฟสีส้มอ่อนๆส่องสว่างบ่งบอกให้รู้ว่ามีคนอาศัยอยู่ เธอเหลือบไปมองหน้าของคนที่ช่วยเธอไว้ ก่อนจะอุทานออกมาเบาๆ
" ไรโด "
" เอลเลเลีย " เขาเรียกชื่อเธอกลับ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของเขาดูตกใจระคนแปลกใจ
" เธอ/นายยังไม่ตาย " ทั้งสองเอ่ยประสานกันขึ้น
รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นที่ริมฝีปากของหญิงสาว ก่อนเธอจะโผเข้ากอดชายหนุ่มตรงหน้า
เขาดูไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลย ดวงหน้าของเขายังคงอบอุ่นอ่อนโยนและดูดี เรือนผมสีน้ำตาลเข้มยาวระคอเหมือนเช่นครั้งแรกที่พบกัน นัยน์ตาสีเดียวกันยังคงอ่อนโยนเช่นเก่า หญิงสาวคลายอ้อมกอดก่อนจะถอยหลังออกมาเล็กน้อย และเอ่ยถาม
" ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ "
ใช่ เธอไม่ได้พบกับเขาอีกเลย ตั้งแต่สงครามแย่งชิงดวงใจปาฏิหาริย์ที่หมู่บ้านครั้งนั้น สงครามที่เกิดขึ้นเพราะคำทำนายบ้าๆนั่น
"...หายนะแห่งความตายจะปรากฏ
จันทร์ทรงกลดจะฉายแสงสีแดงฉาน
ทั่วพิภพจะมีแต่มวลหมู่มาร
ตามตำนานบทพิพากษาแห่งความตาย
มีทางเดียวที่จะแก้แปรเปลี่ยนผัน
ให้ดวงจันทร์กลับมากระจ่างใส
ให้โลกนี้เปี่ยมสุขตลอดไป
ใช้ดวงใจปาฏิหาริย์ล้างแผ่นดิน
หากแต่ปาฏิหาริย์มิอาจช่วยมวลหมู่เหล่า
คนโง่เขลาจะต้องวอดวายสิ้น
เหลือเพียงหนึ่งจะคงอยู่ชั่วอาจิณ
ทั้งแผ่นดินผู้ครอบครองจะรอดตาย..."
ทันทีที่ข่าวเรื่องการทำนายนี้ได้แพร่กระจายออกไป เหล่าคนผู้โง่เขลาได้เริ่ม
ออกตามหาดวงใจปาฏิหาริย์นั่น จนข่าวลือเรื่องดวงใจปาฏิหาริย์อยู่ที่หมู่บ้านจันทร์เสี้ยวของเธอแพร่ออกไป ฝูงชนจำนวนมากต่างก็แห่กันมาออกตามหา ณ ที่หมูบ้านของเธอ ทั้งๆที่ไม่รู้เลยแท้ๆ ว่า ดวงใจปาฏิหาริย์มันคืออะไร
ทันทีที่ได้พบกับสิ่งที่คิดว่าใช่ ทุกๆคนต่างก็แย่งชิงดวงใจปาฏิหาริย์กัน ผู้คนต่างเข่นฆ่ากันเองจนตายกันไปเป็นจำนวนมาก หลังจากสงครามนั้นจบสิ้นลง ไม่มีผู้ใดที่เข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงดวงใจปาฏิหาริย์นั้นแล้วรอดตายเลยสักคนเดียว ดวงใจปาฏิหาริย์หายสาบสูญไป เปลวเพลิงแห่งความชั่วร้ายได้แผดเผาหมู่บ้านจันทร์เสี้ยวจนวอดวาย เธอที่หนีออกมาพร้อมกับแม่ได้จึงรอดชีวิต
หลังจากนั้น ข่าวเรื่องดวงใจปาฏิหาริย์จึงถูกคิดว่าเป็นเรื่องที่กุขึ้น ไม่มีอยู่จริง ใช่! นับตั้งแต่สงครามครั้งนั้น สงครามที่พรากเธอกับเขาไปจากกัน
" หลังจากตอนนั้น ฉันก็หนีมาได้ เลยมาอยู่ที่นี่ " เขาเอ่ยตอบด้วยเสียงเศร้าๆ ก่อนจะถามหญิงสาวบ้าง
" แล้วเธอล่ะ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่"
"ฉะฉัน..." หญิงสาวเงียบเสียงลงไปเล็กน้อยราวกับทำใจ ก่อนจะตอบแบบเลี่ยงๆ
"หนีออกจากบ้านมา"
"ทำไม..."
"อย่าเพิ่งถามฉันตอนนี้..."หญิงสาวเอ่ยขัด นัยน์ตาสีมรกตส่งสายตาเศร้าสร้อยให้ชายหนุ่ม ดวงหน้าสวยใสดูหม่นหมอง "ขอร้อง"
ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจก่อนจะดันหลังของหญิงสาวให้เดินเข้าไปในบ้าน
" กลับมาแล้วรึ ไรโด" เสียงแหบๆดังขึ้นก่อนร่างของหญิงชราคนหนึ่งจะปรากฏขึ้นที่หลังบานประตู
"ครับ คุณยายเซเล"ชายหนุ่มขานรับพร้อมกับก้าวนำหน้าหญิงสาวไป
"อ้าว พาใครมาด้วยล่ะเนี่ย"นัยน์ตาสีเทาอ่อนของหญิงชราดูแปลกใจเล็กน้อย
"จำไม่ได้หรอครับ คุณยายเซเล นี่ เอลเลเลียไงครับ"ชายหนุ่มกล่าว
หญิงชราเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะแย้มรอยยิ้มน้อยๆแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"เอลเลเลียเองรึ โตขึ้นเยอะเลยนะ"
"ค่ะ คุณยายเซเล"เธอขานรับ คุณยายเซเลก็ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลย เรือนผมสีเทาอ่อนแซมขาวถูกเกล้าเป็นมวยที่กลางศีรษะ นัยน์ตาสีเดียวกันฉายประกายกล้า หญิงชราผู้นี้นั่นเอง คือ คนที่ทำนายเรื่องดวงใจปาฏิหาริย์
นัยน์ตาสีเขียวมรกตจ้องมองหญิงชราด้วยความรู้สึกเรียบเฉยๆ
เธอไม่เคยโกรธหรือเกลียดหญิงชราผู้นี้เลย หากแต่ก็ไม่เคยชอบด้วยเช่นกัน เพราะอะไรเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เอลเลเลียคลี่ยิ้มบางๆด้วยความไม่เข้าใจตนเองดวงตาสีมรกตฉายแววเศร้าสลดเมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา
แม่ คนที่สำคัญที่สุดของเธอกลับทำให้เธอต้องเป็นเช่นนี้
เมื่อเธอยิ่งคิดก็ยิ่งสมเพชตนเองยิ่งขึ้นขอบตาเริ่มร้อนผ่าวอย่างไม่เคยเป็น ร่าบางของหญิงสาวเริ่มสั่นน้อยๆ
ไรโดเห็นเช่นนั้นจึงได้วางมือลงบนไหล่เล็กๆของเอลเลเลียเพื่อให้กำลังใจ เขาเองก็ไม่อาจรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงได้ทำให้เธอผู้ร่าเริงเศร้าสร้อยได้ถึงขนาดนี้
"เอาล่ะๆ ตากฝนมาจนเปียกขนาดนี้ไปอาบน้ำเช็ดตัวให้แห้งก่อนไป ทั้งสองคนเลย เดี๋ยวจะไม่สบายเอา"หญิงชราพูดอย่างใจดี ก่อนจะผลักหลังไรโดให้เดินไปข้างหน้าและจูงมือเอลเลเลียให้เดินตามหล่อนไปในห้องที่อยู่ใกล้ๆ
หญิงชราหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าชุดใหม่ในตู้และยื่นให้เอลลีเลีย ซึ่งเจ้าตัวก็รับมาก่อนจะเดินตามหญิงชราไปที่หน้าห้องน้ำและเดินเข้าห้องน้ำไป
หญิงสาวเจ้าของดวงหน้าเนียนใสในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนเรียบๆเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกหมาดทิ้งตัวสวยไปถึงกลางหลัง นัยน์ตาสีมรกตแวววาวดูเศร้าสร้อย มันเป็นภาพที่งดงามจนชายหนุ่มไม่อาจละสายตาไปได้ ทันทีที่เธอเห็นเขา ก็รีบเปลี่ยนท่าทีไป
"อ้าว ไรโด มีอะไรหรอ"
"คุณยายให้มานำทางไปที่ห้องน่ะ"ชายหนุ่มตอบอย่างอ่อนโยน
"ห้อง!?"หญิงสาวทวนคำอย่างงงๆ
"ใช่ ห้องของเธอไง ตอนนี้เธอไม่มีที่อยู่ไม่ใช่หรอ"
หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ ก็จะยิ้มน้อยๆ
"ขอบคุณมากนะ"
"อืม เอาล่ะ ไปกันเถอะ"เขาว่าพลางจูงมือหญิงสาวและเดินนำไปที่ห้องซึ่งอยู่ลึกเข้าไปข้างใน
"ห้องนี้ล่ะ"ไรโดเอ่ยพร้อมกับเปิดประตูเข้าไป
ภายในห้องแคบๆนั้นมีเตียงไม้เล็กๆตั้งอยู่ติดกับหน้าต่างที่เปิดอ้ารับลม ฝั่งตรงข้ามมีตู้เสื้อผ้าไม้ใบเก่าๆวางไว้อย่างโดเดี่ยว หญิงสาวเดินเข้าไปช้าๆ นัยน์ตาสีมรกตดูหมองเศร้าลงทันที
แม่ อยู่บ้านคนเดียวจะเป็นอะไรมั้ยนะ ห้องของแม่คงเงียบเหงามากเลยสินะ
แม้ว่าบุพการีที่รักยิ่งจะทำเยี่ยงนั้นกับเธอ แต่เธอก็อดห่วงๆไม่ได้ ก็ตั้งแต่เกิดมา เธอก็มีแต่แม่เท่านั้น พ่อ คนๆนี้เธอไม่รู้จักเลยแม้แต่น้อย แม่บอกกับเธอว่า พ่อตายจากไปนานแล้ว ชีวิตของเธอจึงมีแต่แม่ แต่ทำไม ทำไมแม่ถึงขายเธอให้กับคนพวกนั้น!
ดวงหน้าเนียนดูเศร้าสลดลงยิ่งกว่าเดิม หญิงสาวกัดริมฝีปากตนเองอย่างข่มอารมณ์ไว้ มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น ไม่ใช่ความโกรธ แต่เป็นความเหยียดหยันตนเอง
"วันนี้เหนื่อยมากมายแล้ว เธอไปนอนพักก่อนเถอะ"ไขโดเอ่ยขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววเป็นห่วง
"อืม"หญิงสาวครางตอบเบาๆ
ชายหนุ่มทำท่าลังเลเล็กน้อยก่อนเอ่ย "เอลเลเลีย"
"หืม"
"ถ้าเธอพร้อมเมื่อไหร่ก็เล่าให้ฉันฟังได้เสมอนะ ราตรีสวัสดิ์"
คำกล่าวสุดท้ายก่อนชายหนุ่มจะเดินออกจากห้องไป
"ขอบคุณนะ ไรโด"หญิงสาวพึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินไปดึงม่านมาปิดและล้มตัวลงนอนบนเตียงเล็กๆนั้น หยาดใสใสที่พยายามข่มไว้ตลอดเวลาไหลรินออกมาจากนัยน์ตาคู่สวย เอลเลเลียหลับตาลง ก่อนจะปล่อยสติให้จมลึกลงไปสู่ห้วงนิทรา คราบน้ำตายังคงติดอยู่ที่ดวงหน้าเนียน
เอลเลเลียมาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้เกือบสามเดือนได้แล้ว คุณยายเซเลใจดีและอบอุ่นเสมอ เธอมักจะเดินตามหญิงชราผู้นี้เพื่อช่วยทำงานต่างๆอย่างเต็มใจ บ่อยครั้งที่คุณยายเซเลหันมาเอ็ดเธอให้อยู่เฉยๆเพราะเธอช่วยทำงานมากเกินพอแล้ว แต่เอลเลเลียไม่เคยฟังและยังคงเสนอตัวเพื่อช่วยงานแทบจะตลอดเวลา
สำหรับไรโด เขามักจะไม่อยู่บ้านในช่วงบ่ายๆเพราะเขาจะออกไปทำงานที่ร้านตีดาบเพื่อหาเงินมาเลี้ยงทุกคนในบ้านหลังนี้ เวลาที่เขากลับมาถึงบ้าน เอลเลเลียมักจะเดินออกไปต้อนรับด้วยรอยยิ้มเสมอ เขาช่างใจดีและอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อน ไม่สิ มากกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ จนบางครั้งเธออดใจเต้นเวลาสบตากับเขาไม่ได้
เขาจะรู้สึกแบบเดียวกันรึเปล่านะ
เธอคิดด้วยดวงหน้าที่แดงก่ำ พร้อมกันเหลือบไปมองชายหนุ่มที่กำลังง่วนกับการขัดดาบให้ขึ้นเงา โชคชะตาเล่นตลกรึเปล่านะ ที่เขาบังเอิญหันมาสบตาเธอพอดี เธอรีบสะบัดหน้ากลับมาด้วยความเขินอาย หารู้ไม่ว่าชายหนุ่มก็มีอาการไม่ต่างจากเธอเลย ยายเฒ่าเซเลที่เดินมาเห็นเหตุการณ์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และหัวเราะเบาๆ
ในบางครั้งที่เธอท้อแท้และสิ้นหวัง หรือคิดถึงมารดาขึ้นมา เขาจะมาอยู่เคียงข้างและคอยให้กำลังใจเสมอ ความรู้สึกแปลกๆบังเกิดขึ้นในใจ แต่เธอพยายามกลบเกลื่อนและทำเป็นไม่สนใจมัน ด้วยเหตุผลที่ว่า อีกไม่นานเธอก็จะต้องไปจากเขา
ดวงจันทร์ส่องสว่างเฉิดฉายโดดเด่นกลางท้องนภายามราตรี ราตรีสีดำที่ไร้ซึ่งดวงดารามาแต่งแต้ม มีเพียงจันทราที่ค่อยๆถูกเมฆก้อนโตกลืนกินเข้าไป สายลมอ่อนๆโชยเอื่อย สตรีในชุดวันพีชสีขาวค่อยๆเดินไปตามผืนดินอันว่างเปล่าด้วยเท้าเปลือยเปล่า
ที่นี่มัน ที่ไหนกัน
นัยน์ตาสีมรกตกวาดสายตามองสถานที่ประหลาดนี้ด้วยความงงงวย ก่อนความมืดจะเข้ามาบดบังทุกสรรพสิ่ง
อะไรเนี่ย เกิดอไรขึ้น
เอลเลเลียเริ่มออกวิ่งไปตามพื้นดินสีน้ำตาลที่เย็นเฉียบ สายลมหนาวโต้กระทบบาดลึกถึงผิวเนื้อ นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างขึ้นเมื่อพบกับอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอต้องหยุดชะงัก
แสงสีแดงส่องเจิดจ้าเบื้องหลังเมฆก้อนโตที่ค่อยๆเคลื่อนผ่านไป จันทร์ทรงกลดฉายแสงสีแดงฉานราวโลหิตที่ย้อมรัตติกาล
คำทำนายนั่น มันกำลังจะเป็นจริงแล้ว
ไม่ ไม่นะ อย่านะ
ทันทีที่เมฆก้อนโตเคลื่อนผ่านดวงจันทร์สีเลือดไปทั้งหมด แสงสีแดงก็ส่องสว่างเจิดจ้ายิ่งกว่าสิ่งใด ผืนดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ก่อนร่างของอสูรกายปีศาจจะผุดขึ้นมาจากผืนดินนั้น กลิ่นเหม็นเน่าเยียงซากศพลอยคละคลุ้งไปทั่ว
"...หายนะแห่งความตายจะปรากฏ
จันทร์ทรงกลดจะฉายแสงสีแดงฉาน
ทั่วพิภพจะมีแต่มวลหมู่มาร
ตามตำนานบทพิพากษาแห่งความตาย
"
คำทำนายดังก้องขึ้นในใจ ก่อนหญิงสาวจะเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง
"...มีทางเดียวที่จะแก้แปรเปลี่ยนผัน
ให้ดวงจันทร์กลับมากระจ่างใส
ให้โลกนี้เปี่ยมสุขตลอดไป
ใช้ดวงใจปาฏิหาริย์ล้างแผ่นดิน
"
ดวงใจปาฏิหาริย์ ต้องตามหามัน ตามหาดวงใจปาฏิหาริย์!
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างขึ้นเมื่ออะไรบางอย่างสาดมาโดนหน้า กลิ่นเหม็นคาวลอยมาเตะจมูก หญิงสาวใช้มือปาดมันออกมาดู
เลือด!
ของเหลวสีแดงไหลย้อยลงมาจากมือบางที่แบออก
มันเกิดขึ้นแล้ว หายนะเกิดขึ้นแล้ว!
หญิงสาวยังคงวิ่งไปข้างหน้าต่อไปอย่างสับสน และแล้วอะไรบางอย่างก็ปรากฏขึ้น
วาบ!
แสงสีขาวบาดตาปรากฏขึ้นเบื้องหน้าจนต้องหยีตาลง
"เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว ภัยพิบัติครั้งใหญ่จะมาเยือนโลกนี้ ทางเดียวที่จะช่วยได้มีเพียงดวงใจปาฏิหาริย์เท่านั้น"เสียงๆหนึ่งดังก้องขึ้นมาจากแสงสว่างนั้น ก่อนแสงสว่างจะค่อยๆดับวูบลง
"เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป ดวงใจปาฏิหาริย์หายสาบสูญไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้มันอยู่ที่ไหนกัน ต้องไปหาที่ไหน"หญิงสาวตะโกนถาม
"มันอยู่......เจ้า....ค้นหาเอาเอง"เสียงที่ตอบกลับมาแผ่วเบาและขาดหายเป็นช่วงๆ ก่อนจะเงียบหายไปเมื่อแสงสว่างดับวูบลง
"เดี๋ยวสิ ฉันยังไม่รู้เรื่องเลย เดี๋ยวก่อน..." นัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นเผยให้เห็นห้องเล็กๆแคบๆห้องเดิมที่เธอเคยนอนอยู่ หญิงสาวยันตัวขึ้นมานั่งช้าๆ
"ฝันหรอ นี่เป็นความฝันหรอ"เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนเสียงเคาะประตูจะดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของชายหนุ่ม
"เอลเลเลีย คุณยายเซเลให้มาเรียกไปหา"
"อืม เดี๋ยวตามไปนะ นายไปก่อนเลย ไรโด"หญิงสาวขานรับ ก่อนจะลุกขึ้นมาจากเตียง นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างขึ้น
ตึกตัก! ตึกตัก!
หัวใจเต้นระรัวขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ
อะไรนะ เกิดอะไรขึ้น เราเป็นอะไรไป
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
หัวใจยังคงเต้นระรัวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หญิงสาวยกมือขึ้นมากุมหน้าอกไว้ ก่อนจะค่อยๆพาร่างไปที่หน้าต่างและกระตุกม่านเปิดออก ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าสร้างความตื่นตระหนกให้หญิงสาวมากขึ้นกว่าเดิม
ความฝันนั่น คำทำนายนั่น มันกำลังจะเป็นจริงแล้ว
ร่างบางเปิดประตูและถลาตัวออกไปนอกห้องก่อนจะวิ่งพร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่น
"คุณยายเซเลคะ แย่แล้วค่ะ คำทำนายนั่น คำทำนายนั่นเป็นจริงแล้วค่ะ"
"เอลเลเลีย เกิดอะไรขึ้น"ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับวิ่งมาขนาบข้าง
"ไรโด คำทำนายนั่น คำทำนายของคุณยายเซเล มันเป็นจริงแล้ว"หญิงสาวว่าด้วยความตื่นตระหนก
"หา ว่าไงนะ"
"เมื่อกี้ฉันเห็น พระจันทร์เป็นสีแดงเหมือนเลือดเลย แถมเมื่อคืน ฉันยังฝันอีก ฝันว่า ปีศาจโผล่ขึ้นมาจากดินแล้วเริ่มออกอาละวาดไปทั่ว น่ากลัว มันน่ากลัวมากๆเลย"เสียงสั่นเครือดังออกมาจากปากของหญิงสาว พร้อมกับร่างที่เริ่มสั่นเทา
นัยน์ตาของชายหนุ่มเบิกกว้างขณะที่เร่งฝีเท้าไปที่หน้าต่างบานหนึ่ง เขากระแทกมันอย่างไม่นึกเสียดาย บานหน้าต่างถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว แสงสีแดงฉานดั่งโลหิตสาดเข้ามาในตัวบ้าน ชายหนุ่มสบถขึ้น ก่อนจะก้าวถอยหลังและหมุนตัวกลับ
"คุณยายเซเล"ชายหนุ่มเอ่ยเรียกเมื่อหญิงชราเดินมาหาพวกเขา
"เป็นไปตามคำทำนายแล้วสินะ"หญิงชราเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"แล้วจะทำยังไงดีล่ะคะ"เอลเลเลียเอ่ยอย่างตื่นตระหนก
"ดวงใจปาฏิหาริย์คือหนทางเดียวที่จะช่วยได้"ยายเฒ่าเซเลกล่าว นัยน์ตาสีเทาอ่อนกร้านโลกฉายแววประหลาด
"แต่ว่า ดวงใจปาฏิหาริย์หายสาบสูญไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอคะ อีกอย่าง ดวงใจปาฏิหาริย์ช่วยได้เพียงแค่คนที่ครอบครองมันเท่านั้นด้วย"เอลเลเลียเอ่ยเถียง
"นั่นสินะ แต่ข้าว่า อย่างไรเจ้าก็ควรจะตามหามันก่อน บางที มันอาจจะช่วยทุกชีวิตได้เลยก็ได้ เพราะว่า คำทำนาย ไม่จำเป็นต้องเป็นจริงเสมอไป"รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นที่มุมปากของหญิงชรา
"แต่ว่า คำทำนายของคุณยายเซเลเป็นจริงทุกครั้งนี่คะ"หญิงสาวเอ่ยเถียง
"มันก็อยู่ที่..."นัยน์ตาคู่ชราทอดมองออกไปที่หน้าต่างราวกับเหม่อลอยอยู่ครู่ใหญ่ "...ฟ้าลิขิต แต่ที่สำคัญคือตัวเอง"
"ใช่ครับ คุณยายเซเล"ชายหนุ่มพยักหน้าให้หญิงชราก่อนจะหันมาเอ่ยกับเอลเลเลีย
" ฉันว่า ไม่มีอะไรกำหนดอนาคตได้ นอกจากตัวเราเอง ถ้าเธอไม่ปล่อยให้คำทำนายนั่นมาครอบงำตัวเธอ เธอก็จะก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นใจ แต่ว่า ถ้าเธอละเลยคำทำนายไปหมด เธอก็อาจพบจุดจบที่ไม่อาจคาดคิดได้ ทางที่ดี ฉันว่า เชื่อในสิ่งที่เชื่อแล้วสบายใจดีกว่า" ชายหนุ่มตบไหล่หญิงสาวเบาๆอย่างให้กำลังใจ
"อืม"
"เอาล่ะ ข้าจะลองทำนายดูว่า ดวงใจปาฏิหาริย์ มันอยู่ที่ใดกัน"
หญิงชราหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะพึมพำอะไรบางอย่างครู่ใหญ่ และเบิกตาขึ้นอย่างตื่นตระหนก
"ไม่น่าเชื่อ ดวงใจปาฏิหาริย์ ดวงใจปาฏิหาริย์มัน..."
"เป็นอะไรไปคะ คุณยายเซเล เป็นอะไรไป"
"ดวงใจปาฏิหาริย์อยู่ใกล้ๆ"หญิงชราเริ่มเอ่ยอย่างคนเสียสติ ร่างชราภาพสั่นน้อยๆ
"ที่ไหนคะ มันอยู่ที่ไหน"
"อยู่ที่...ตัวของเจ้า"มือเหี่ยวย่นชี้มันมาที่หัวใจของเอลเลเลีย
คำกล่าวของหญิงชราทำให้นัยน์ตาของผู้รับฟังทั้งสองเบิกกว้าง
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
หัวใจ...ของเรา
เสียงหัวใจที่เต้นระรัวดังขึ้นจนเอลเลเลียได้ยินอย่างชัดเจน
"ตอนแรกก็คิดจะใช้เจ้าตามหาดวงใจปาฏิหาริย์เสียหน่อย แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะมาอยู่ที่ตัวของเจ้าเอง"หญิงชราเอ่ย รอยยิ้มเย็นยะเยือกที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนฉายชัดบนใบหน้า
"หมายความว่ายังไง"หญิงสาวเอ่ยถามคิ้วบางขมวดเข้าหากันเป็นปม
"คำทำนายทั้งหมด ข้าเป็นผู้สร้างขึ้นมาเอง ทุกสิ่งจะเป็นไปตามที่ข้าบงการ แต่ทว่า ทุกอย่างมันกำลังจบสิ้นลง ถ้าไม่มีดวงใจปาฏิหาริย์ ข้าต้องการดวงใจปาฏิหาริย์ เอาล่ะ เอลเลเลียส่งมันมาซะ"ดวงหน้าอ่อนโยนของหญิงชราหายไปเหลือไว้แต่ความเย็นชา ก่อนจะค่อยๆสาวเท้าเข้ามาใกล้
"ไม่!"เอลเลเลียร้องลั่น ก่อนจะเริ่มออกวิ่ง
นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น เรื่องบ้าๆแบบนี้มัน บ้าที่สุด
"เอลเลเลีย เดี๋ยวสิ เอลเลเลีย"ชายหนุ่มวิ่งตามมาพร้อมกับคว้าข้อมือของเธอไว้
"ปล่อยนะ คนทรยศ"หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่นพร้อมกับสะบัดข้อมือที่ชายหนุ่มจับไว้ ทว่า เขากลับจับมันให้แน่นขึ้น
"เอลเลเลีย ฟังก่อนสิ ฉันไม่รู้เรื่องเลยนะ เอลเลเลีย เอลเลเลีย"
"เอาล่ะ เอลเลเลียส่งดวงใจปาฏิหาริย์มาเสียดีๆ"หญิงชราเอ่ยด้วยสายตากระหาย
"ไม่"เอลเลเลียค้านพร้อมกับเปิดประตูและวิ่งออกไป แต่ปัญหาก็คือ ไรโดยังคงจับข้อมือของเธอไว้มั่น
"ไรโด ปล่อย!"เธอเอ่ยสั่ง
"ไม่"เขาค้านพร้อมกับนำเธอวิ่งออกไป เพื่อหนีให้พ้นจากยายเฒ่าเซเล
"ไรโด ทำไม"
"ฉันจะปกป้องเธอเอง! จำไว้นะเอลเลเลีย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป"คำกล่าวที่ทำให้หญิงสาวผงะด้วยความตะลึง ก่อนจะโดนชายหนุ่มกระชากแขนให้วิ่งต่อไป
"ตามไปเลย สมุนของข้า"ยายเฒ่าออกคำสั่ง และแล้ว เหล่าปีศาจนับร้อยๆตัวก็ผุดขึ้นมาจากผืนดิน
ชายหนุ่มปล่อยมือจากแขนของหญิงสาว ก่อนจะเรียกดาบมาไว้ในมือและวิ่งเข้าไปเผชิญหน้ากับมันที่บุกเข้ามาทีละหลายๆตัว
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"
"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
"ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"
"อย่านะ อย่าฆ่าฉัน"
"ได้โปรด ไว้ชีวิตลูกชายฉันเถอะ"
"อย่าเข้ามาน้า กรี๊ดดดดดดดดดด"
"ช่วยด้วย ช่วยฉันที"
"ปะปีศาจนี่นา ปีศาจ"
เสียงโหยหวน เสียงกรีดร้อง และเสียงร้องขอชีวิตดังระงมไปทั่ว ภาพของผู้คนมากมายที่ต้องสูญเสียชีวิตไปกับความโลภมากและความอยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาครอบครองไว้เพียงผู้เดียวของใครบางคน โลหิตสีแดงฉานสาดกระเซ็นจากร่างของผู้ถูกสังหารจำนวนมาก ย้อมแผ่นดินจนกลายเป็นสีแดงฉาน เปลวเพลิงแห่งความชั่วร้ายลุกไหม้เผาทุกสิ่งให้วอดวายสิ้น
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าควรทำอย่างไร วิธีใช้ดวงใจปาฏิหาริย์ดังก้องขึ้นในหัว
ดวงใจปาฏิหาริย์ โปรดจงส่องนำทางความฝันและความหวังมาให้แก่ทุกๆคนด้วย
เสียงภาวนาดังขึ้นในใจของหญิงสาว
อย่านะ ถ้าทำอย่างนั้น ลูกจะต้องตายนะ
เสียงที่แสนคุ้นเคยดังขึ้น
แม่!?
ใช่ แม่เอง แม่ขอโทษที่ไม่ได้บอกลูกตั้งแต่แรก แม่ตั้งใจจะให้ลูกไปอยู่กับคู่หมั้น เพื่อปกป้องลูกจากคนที่คิดแย่งชิงดวงใจปาฏิหาริย์ แต่แม่กลับทำให้ลูกเข้าใจผิดว่าแม่ขายลูก แม่ขอโทษ
แม่คะ แล้วทำไมตอนนั้นแม่ถึงรับเงินมาจากคนพวกนั้น
เงินนั่นไม่ใช่ค่าตัวลูก แต่เป็นเงินที่เขาให้ไว้ช่วยเหลือแม่ ยายเฒ่าเซเลจำไอแห่งชีวิตของแม่ได้ ถ้าแม่ไปกับลูก หล่อนต้องตามลูกไปถูกแน่ๆ แม่จึงตัดสินใจให้ลูกไปโดยลำพัง แต่ไม่คิดเลยว่ายายเฒ่าเซเลจะใช้แผนนี้
แล้วตอนนี้แม่อยู่ที่ไหนคะ
แม่ อยู่กับลูกเสมอจ้ะ
หรือว่า...
ใช่ ดวงใจปาฏิหาริย์ที่ลูกมีคือดวงแก้วที่เต็มไปด้วยพลังแห่งเทพรวมถึงวิญญาณและพลังของแม่ด้วยจ้ะ
งั้นแม่คะ หนูตัดสินใจแล้วค่ะหนูจะใช้ดวงใจปาฏิหาริย์ปกป้องโลกใบนี้เอง แม่อย่าว่าหนูนะคะ อีกไม่นาน หนูก็จะได้ไปอยู่กับแม่แล้วค่ะ
ไม่นะลูก อย่าทำอย่างนั้น!
ขอร้องล่ะค่ะแม่ หนูขอทำในสิ่งที่หนูทำได้ ถ้าหนูไม่ทำ ทุกๆคนจะต้องตายหมดนะคะ
จ้ะ ตามใจลูก อย่าลืมนะลูก แม่รักลูกเสมอนะ
นัยน์ตาสีมรกตฉายประกายมุ่งมั่น ปากบางแย้มรอยยิ้ม หัวใจดวงน้อยกำลังสร้อยเศร้า
ขอโทษนะ ไรโด ฉันยังไม่ได้บอกเธอเลย...
เอาล่ะ ดวงใจปาฏิหาริย์ โปรดจงส่องนำทางเพื่อช่วยโลกนี้ด้วย
หญิงสาวหยิบมีดขึ้นมาและแทงไปที่หัวใจ โลหิตสีแดงฉานไหลรินออกมาทางบาดแผล หยาดน้ำใสๆไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวย
แสงสว่างสีขาวบาดตาพุ่งออกมาจากร่างของหญิงสาวก่อนจะแผ่ขยายออกไปทั่วทุกสารทิศ ขับไล่พลังสีดำแห่งความมืดที่ปกคลุมโลกใบนี้ ดับเปลวเพลิงที่แผดเผาหมู่บ้านนับแสน เหล่าปีศาจและสัตว์ร้ายต่างกรีดเสียงร้องและล้มตายไปหมด ร่างของหญิงชราเซเลกรีดร้องลั่นก่อนจะค่อยๆสลายกลายเป็นผุยผงและปลิวไปกับสายลม
แสงสว่างสุดท้ายจางหายไป พร้อมกับร่างของเอลเลเลียที่ล้มลงไปนอนกับพื้นและหายใจอย่างแผ่วเบา ไรดดรีบวิ่งไปประคองหญิงสาวให้มาอยู่ในอ้อมกอดพร้อมกับเขย่าเรียกชื่อสตรีอันเป็นที่รักยิ่ง
"เอลเลเลีย เอลเลเลีย"
"ไรโด"หญิงสาวเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า พร้อมกับกระอักออกมาเป็นเลือด มีดเล่มบางยังคงปักค้างอยู่ที่กลางหัวใจ มันไม่เพียงทำให้หัวใจของหญิงสาวเจ็บปวดเท่านั้น หากแต่ยังทำให้หัวใจของชายหนุ่มเจ็บปวดไปด้วย
หญิงสาวแย้มรอยยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบายิ่งกว่าเสียงกระซิบ
"...ฉะฉันรักเธอนะ ไรโด"
เปลือกตาบางปิดลง พร้อมกับร่างของหญิงสาวที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
แม้แต่วาระสุดท้ายเธอก็ยังคงยิ้ม...
ไรโดลูบใบหน้าที่เย็นเฉียบของเอลเลเลียเบาๆ หยาดน้ำตาที่ไม่เคยคิดจะหลั่ง ไหลรินออกมาเป็นสาย
หัวใจของเขาจากไปแล้ว
จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
พร้อมกับเธอที่เขารักยิ่ง
ฉันยังไม่ได้บอกเธอเลยนะ เอลเลเลีย
"...ฉันรักเธอ"คำกล่าวสุดท้ายพร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่โน้มตัวลงไปประทับริมฝีปาก ความรู้สึกที่ส่งผ่านมามีเพียงแค่ความว่างเปล่าและเย็นเฉียบ จนหนาวสั่นสะท้านไปสุดขั้วของหัวใจ มือหนาดึงมีดที่ปักค้างอยู่กลางหัวใจของหญิงสาวขึ้นมา และแทงลงที่ตำแหน่งเดียวกัน
รอก่อนนะ เอลเลเลีย ฉันกำลังจะตามเธอไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป
ดวงใจปาฏิหาริย์ของฉัน...
ง่า ก็จบไปแล้วสำหรับเรื่องสั้นสำหรับวันแม่นะคะ
แม่เป็นบุคคลที่รักลูกเป็นที่สุด ในบางครั้งท่านก็หวังดีกับเรา แต่เราไม่เข้าใจและไม่ยอมทำความเข้าใจในความหวังดีของท่าน ทั้งๆที่ท่านหวังดีกับเรามากขนาดนี้
แม่หวังดีโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ท่านเพียงอยากให้ลูกรักมีความสุข
หากแม่จะมีสิ่งที่หวังแล้วล่ะก็ คงจะเป็นการที่ลูกรักประสบความสำเร็จในชีวิต
...น้ำแก้วเล็กๆที่ลูกยื่นให้ตอนแม่มีชีวิตอยู่ มีค่ามากกว่ากับข้าวอย่างดีที่วางไว้ข้างโลงศพ...
...ดอกไม้ดอกเล็กเพียงดอกเดียวที่ลูกมอบให้ตอนแม่ยังมีชีวิตอยู่ มีค่ามากกว่า พวงหรีดนับพันที่ให้แม่ตอนไร้ลมหายใจ...
...คำบอกรักสั้นๆที่ลูกเอ่ยตอนแม่มีชีวิตอยู่ มีค่ามากกว่า เสียงคร่ำครวญของลูกตอนแม่จากไป...
สำหรับแม่แล้วลูกคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ดังนั้น นับจากวันนี้ไปอย่าทำให้แม่เสียใจนะคะ
แม่ยอมทุ่มเทได้ทุกอย่างเพื่อทำให้ลูกมีความสุข
แม้ความสุขของลูกนั้นจะแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตาของแม่ก็ตาม
เนื่องในวันแม่นี้ทุกๆคนทำอะไรเพื่อแม่รึยังคะ ถ้ายัง ก็ทำซะนะคะ
บอกรักแม่ ก่อนจะไม่มีแม่ให้บอกรัก...
ด้วยความปรารถนาดีจาก อาโอกะ...
ผลงานอื่นๆ ของ อาโอกะ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ อาโอกะ
ความคิดเห็น